นายภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ผู้นำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันแก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน มูลค่ารวม 300 ล้านบาท โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 10-13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเกินคาดจากนักลงทุน ยอดจองล้นและขายได้เต็มจำนวนเป็นที่เรียบร้อยภายในระยะเวลาอันสั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ทั้งในปัจจุบัน และในระยะยาว
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวมีอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยราว 6.50-6.75% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ และครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 มีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดย ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567
ฐานะการเงินของ VRANDA ยังคงแข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 1.44 เท่า รวมถึงไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือเงื่อนไขของหุ้นกู้
“วัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุนให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต” นายภวัฒก์ กล่าวเสริม
สำหรับ วีรันดา รีสอร์ทฯ ประกอบธุรกิจโรงแรม และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพักอาศัยเป็นหลัก โดยกลุ่มบริษัทฯ มีโครงการโรงแรมที่เปิดให้บริการในปัจจุบันทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน, วีรันดา เดอะ ไฮ รีสอร์ทเชียงใหม่,โซ แบงค็อก, วีรันดา รีสอร์ท พัทยา, ร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท, เวอโซ หัวหิน และล่าสุดวีรันดา รีสอร์ท ภูเก็ต ออโตกราฟ คอลเล็คชั่น รวมทั้งสิ้น 860 ห้อง และมีโครงการอาคารชุดพักอาศัยอยู่ระหว่างการขาย 4 แห่ง ได้แก่ วีรันดา ไฮ เรสซิเดนซ์ เชียงใหม่, วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน, วีรันดา พูล วิลล่า หัวหิน ชะอำ และโครงการล่าสุดวีรันดา วิลล่า แอนด์ สวีท ภูเก็ต โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โครงการอาคารชุดพักอาศัยทั้งหมดดังกล่าว มียอดขายแล้วทั้งสิ้น 310 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 3,152.81 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว จำนวน 296 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2,558.20 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอโอนกรรมสิทธิ์ 14 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 594.61 ล้านบาท และมีห้องชุดรอการขาย 19 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 546.89 ล้านบาท
