ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดต่ำกว่า 1,200 จุด แม้จะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากผลกระทบของนโยบายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ออกมาต่ำกว่าคาด ก่อนจะดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ หลังมีรายงานข่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เพื่อประคองตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์และแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครั้งใหม่ ที่ 1,157.96 จุด โดยนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา-อียูเพิ่มเติมเข้ามาในระหว่างสัปดาห์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากรายงานข่าวที่ว่ากสทช. อยู่ระหว่างทบทวนแนวทางการประมูลคลื่นความถี่ อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยฟื้นกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงซื้อคืนหลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้
สัปดาห์ที่ 17-21 มี.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,150 และ 1,140 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,190 และ 1,200 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC, BOJ และ BOE ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมี.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
ด้านเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าช่วงแรก แต่ฟื้นตัวกลับตามราคาทองคำตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้ง ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงประคองบางส่วนจากสัญญาณจากประธานเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกยังเพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทด้วยเช่นกัน เงินบาทเริ่มฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากความกังวลในเรื่องสงครามการค้าที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมช่วงปลายสัปดาห์จากราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ และสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 มี.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC, BOJ, BOE และ Bank Indonesia สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในเดือนม.ค.-ก.พ.
