คุณปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณลัดดา โรจนาวิไลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID ร่วมแสดงความยินดีกับ บริษัท ฉางอาน ออโตโมบิล จำกัด ในพิธีเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ฉางอานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการพร้อมการเฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์คันที่ 28.59 ล้าน ณ โรงงานฉางอาน ออโตโมบิล ระยอง (CHANG-AN Automobile Rayong Factory) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 4 (WHA ESIE 4) จังหวัด ระยอง บนพื้นที่ 250 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 10,000 ล้านบาท
โรงงานแห่งนี้ประกอบด้วยสายการผลิตที่ทันสมัย ครอบคลุม 5 ส่วน คือ การเชื่อมประกอบตัวถัง การพ่นสี, การประกอบตัวถัง, การประกอบเครื่องยนต์ และการประกอบแบตเตอรี่ โดยในระยะแรกมีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี และตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตเป็น 200,000 คันต่อปีในระยะที่สอง เพื่อรองรับการส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญ
โรงงานฉางอาน ออโตโมบิล ระยอง แห่งนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมติดตั้งเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพและมีเทคโนโลยีขั้นสูงการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และระบบการทำงานที่ทันสมัย อีกทั้งยังมีแผนติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 14 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ถึง 45% ของพลังงานทั้งหมดในโรงงาน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ โรงงานแห่งนี้ยังจะสร้างโอกาสการจ้างงานมากกว่า 30,000 ตำแหน่งตลอดห่วงโซ่คุณค่า มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง และตอกย้ำพันธกิจของ CHANG-AN ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน การลงทุนของ Chang-An แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของนิคมอุตสาหกรรม WHA ในการตอบสนองความต้องการของนักลงทุนระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
WHAID มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าอย่าง Chang-An และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค ตามพันธกิจของ WHA Group “WHA: WE SHAPE The Future”
