สมที่เป็นนายกฯ เซลล์แมน ที่ประสบความสำเร็จจากการเป็นซีอีโอ เซลล์แมน ขายบ้าน จะบริษัทได้กำไรแล้วกำไรอีก
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา 10 เดือนที่ผ่านมา จึงมีมาตรกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ พุ่งแรงแซงหน้าแจกเงินดิจิทัล ที่เป็นนโยบายเรือธง ชนิดไม่เห็นฝุ่น
แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท นายกฯ เซลล์แมน หาเสียงไว้ว่าได้เป็นรัฐบาลทำทันที มาถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นลูกผีลูกคน ยังลอยวนเคว้งอยู่ในอ้าง
แต่มาตรการที่ไม่ได้หาเสียงไว้ ยังมาตรการกระตุ้นอสังหา กลับมาเร็วยิ่งกว่าพายุหมุน
ที่ผ่านมีการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ลดค่าจดจำยนอง และค่าโอน ชนิดแบบให้กันเกินร้อย จากที่เคยให้เฉพาะที่บ้านที่อยู่ราคาขายไม่เกิน 3 ล้านบาท มีการขยายไปถึงไม่เกิน 7 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังไปจับแบงก์รัฐให้มาปล่อยกู้รองรับคนที่ต้องการซื้อบ้านที่ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เรียกว่าให้กันครบวงจร
สาเหตุการให้ก็บอกไว้ชัดว่า มีบ้านที่ราคา 3-7 ล้านบาท สร้างเสร็จแล้วขายไม่ออกอยู่จำนวนมาก เลยต้องออกมาตรการมากระตุ้นล้างสต๊อกให้ผู้ประกอบการ แทนที่จะให้ผู้ประกอบการยอมเฉือนเนื้อตัดกำไรมาจ่ายค่าโอนและจดจำนองให้ผู้ซื้อ ทำให้ผู้ประกอบการได้ไปกลับ
ทำให้ไม่ต้องแปลกใจผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างออกขานรับมาตรการนี้ ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศกันยกใหญ่
ล่าสุดนายกฯ เซลล์แมน เตรียมชงเทกระจาดให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รอบใหม่ โดยเพิ่มสัดส่วนให้ต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียม จากไม่เกิน 49% เป็น 75% ของโครงการที่ก่อสร้างแล้ว
ยังมีแผนขยับเก่าเช่าที่ดินของต่างชาติ จาก 30 ปี เป็น 99 ปี และ การจำกัดจำนวนที่ดินไม่เกิน 5 ไร่ สำหรับโครงการที่ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์เกินกว่า 49% ไม่เกิน 75% เพื่อมิให้เกิดการถือครองที่ดินโดยทางอ้อม
ทั้งหมดทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างตบเท้าออกมาสนุนกันยกใหญ่อีกรอบ
ต่างจากการแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท ที่เป็นนโยบายเรือธง กลายเป็นนโยบายเรือเกลือ จากมาตรเร่งด่วน เป็นเรื่องไม่เร่งยังมีเวลาดำเนินการ แหล่งเงิน 5 แสนล้านบาท ยังไม่ชัดเจน ก็ดึงเรื่องไม่ทำเรื่องถามกฤษฎีกา ว่า ใช้เงินจาก ธ.ก.ส. ได้หรือไม่
วันนี้ ทำให้มาตรการแจกเงินดิจิทัลที่ตีปี๊บกันสนั่นทุกวัน แต่ยังไม่เป็นวุ้น แต่มาตรการอสังหาฯ ที่มาแบบเงียบ แต่ได้กันไปเต็มๆๆ